ลูกจ้างรู้ยัง ! ตกงาน เลิกจ้าง ลาออก มีสิทธิได้เงินชดเชยจากประกันสังคมด้วย

ตรวจสอบสิทธิประกันสังคม ลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตน กรณีว่างงาน ตกงาน ลาออก ถูกเลิกจ้าง พร้อมขั้นตอนการยื่นขอรับสิทธิประโยชน์

รู้หรือไม่ กรณีที่บริษัทเปิดโครงการให้ลูกจ้างลาออกโดยสมัครใจลาออก ซึ่งลูกจ้างที่สมัครใจลาออกนอกจากจะได้รับค่าชดเชยจากนายจ้างแล้ว หากเป็นผู้ประกันตนของกองทุนประกันสังคม ยังมีสิทธิได้รับเงินชดเชยกรณีว่างงาน และสิทธิประโยชน์อื่นๆ จากสำนักงานประกันสังคมอีกด้วย ส่วนรายละเอียดว่าใครจะได้เท่าไหร่นั้นไปดูพร้อมๆกันเลย

ข่าวธุรกิจแนะนำ

หลักเกณฑ์และสิทธิประโยชน์จากว่างงาน ประกันสังคม
หลักเกณฑ์ที่จะทำให้ท่านมีสิทธิ คือ เมื่อผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนการว่างงาน (ถูกเลิกจ้างหรือลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้างตามกำหนดระยะเวลา) โดยไม่มีความผิดตามกฎหมาย

ทั้งนี้ลูกจ้างต้องไปขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานที่สำนักงานจัดหางานของรัฐภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ว่างงาน โดยไม่ต้องรอหนังสือรับรองการออกจากงาน เพื่อเป็นการแสดงสิทธิ์ในเบื้องต้น เพื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขของสำนักงานประกันสังคมในบางอย่าง เช่น

มีความสามารถในการทำงานและพร้อมที่จะทำงานที่เหมาะสมตามที่จัดหาให้
ต้องไม่ปฏิเสธการฝึกงาน
ต้องรายงานต่อเจ้าหน้าที่สำนักจัดหางานไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง ข่าวธุรกิจเพิ่มเติม>>> รวมมาตรการแก้หนี้จากแบงก์รัฐ จัดหนักทั้งสินเชื่อบุคคล-บ้าน-บัตรเครดิต

รวมมาตรการแก้หนี้จากแบงก์รัฐ จัดหนักทั้งสินเชื่อบุคคล-บ้าน-บัตรเครดิต

รวมมาตรการแก้หนี้จากแบงก์รัฐ จัดหนักทั้งสินเชื่อบุคคล-บ้าน-บัตรเครดิต

ธุรกิจ

มัดรวมมาตรการแก้หนี้จากแบงก์รัฐ ในงาน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร : มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” เช็กเลยธนาคารแต่ละแห่งมีมาตรการแก้หนี้อะไรบ้าง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ (GFA) ร่วมกันจัดงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร ครั้งแรกโดยมีธนาคารออมสินเป็นเจ้าภาพเพื่อร่วมแก้ไขหนี้ให้กับลูกค้าและประชาชน พร้อมนำผลิตภัณฑ์สินเชื่อภายใต้มาตรการของรัฐ และของสถาบันการเงินต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 18 หน่วยงาน ร่วมให้บริการภายในงานมากมาย โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 พ.ย. 65 ณ ฮอลล์ 5 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่ https://ln15.gsb.or.th/WEB-DEBT/ เพื่อแจ้งความประสงค์มาติดต่อขอแก้ไขหนี้ พร้อมรับสิทธิพิเศษอื่น ๆ ได้ตลอดงานทั้ง 3 วัน สำหรับงานนี้จะประกอบด้วย 3 ส่วน คือ

การแก้ไขปัญหาหนี้สินที่มีอยู่เดิม

การแก้ไขหนี้ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หรือการปรับเงื่อนไขการชำระนี้ เพื่อช่วยผ่อนปรนภาระหนี้ของประชาชนและผู้ประกอบการให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง ได้แก่

  • ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย : การปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระ ลดภาระค่างวดและแบ่งตัดเงินต้นสูงสุด 20% หรือหากเป็นลูกหนี้สถานะ NPL และสามารถชำระหนี้ปิดบัญชีได้จะได้รับการลดดอกเบี้ยค้างทั้งหมด
  • ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) : แก้หนี้สินเชื่อบ้าน สำหรับลูกหนี้สถานะ NPL จะได้รับการลดเงินงวดผ่อนชำระ พร้อมกับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้พิเศษ ระยะเวลานาน 2 ปี โดยเดือนที่ 1-10 ผ่อนชำระเพียงงวดละ 1,000 บาท อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 0% ต่อปี เดือนที่ 11 – 21 อัตราดอกเบี้ย 1.99% – 2.00% ต่อปี และเดือนที่ 22-24 อัตราดอกเบี้ย MRR-2.00% ต่อปี
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) : มาตรการชำระดีมีคืนไม่เกิน 2,000 บาท สำหรับลูกหนี้ปกติ และลดดอกเบี้ย 50% สำหรับลูกหนี้ NPLs และส่วนลดค่าธรรมเนียมต่างๆ
  • ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย : มาตรการเอ็กซิมสนับสนุนมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ ยืดหนี้สูงสุด 12 เดือน ผ่อนดีมีคืนดอกเบี้ย 2%

การสร้างรายได้ผ่านการสร้างอาชีพหรืออาชีพเสริม

เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ ให้เพียงพอต่อการชำระหนี้ ซึ่งจะสามารถลดปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนได้ในระยะยาว และสามารถขอรับสินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนหรือเป็นแหล่งทุนเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม เช่น

  • ธนาคารออมสิน : สินเชื่อแก้หนี้เพิ่มทุน สำหรับผู้มีรายได้ประจำ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้าแม่ค้า หาบเร่แผงลอย ให้กู้ไม่เกินรายละ 20,000 บาท ดอกเบี้ยต่ำแบบคงที่ 0.35% ต่อเดือน ไม่ต้องมีหลักประกัน ปลอดชำระเงินต้น 6 เดือน ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 2 ปี
  • ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย : สินเชื่อเพื่อ SMEs ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท ดอกเบี้ยเริ่มต้น 5.5% ต่อปี ผ่อนนานสูงสุด 12 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 24 เดือน
  • ธนาคารกรุงไทย : สินเชื่อ Krungthai SME Smart Shop วงเงินกู้สูงสุด 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MRR ต่อปี
  • ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย : สินเชื่อเพื่อผู้ส่งออกป้ายแดง เพื่อช่วยเหลือ Start Up ให้ส่งออก วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท ใช้บุคคลค้ำประกัน และสินเชื่อเอ็กซิมสร้างธุรกิจเพื่อบุคคลธรรมดา วงเงินสูงสุด 2 ล้านบาทต่อราย ใช้หนังสือค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
  • ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย : สินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตรากำไรพิเศษ 1.99% ต่อปี ระยะเวลา 6 เดือนแรก
  • บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) : โครงการค้ำประกันสินเชื่อรายสถาบันการเงินระยะที่ 7 วงเงินค้ำประกันสินเชื่อ สูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลาค้ำประกันสินเชื่อสูงสุด 10 ปี ยกเว้นค่าดำเนินการค้ำประกัน

การสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนด้วยการส่งเสริมทักษะในการประกอบอาชีพ

เพื่อให้ประชาชนสามารถมีรายได้ที่เพียงพอและมั่นคง และการเสริมสร้างความรู้ทางการเงิน เพื่อสร้างความตระหนักถึงการวางแผนทางการเงินและส่งเสริมการบริหารจัดการด้านการเงินอย่างถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเข้าใจถึงการเป็นหนี้และมีการวางแผนทางการเงิน ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนได้อย่างยั่งยืน เช่น

  • ธนาคารออมสิน : การส่งเสริมการออมผ่านเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษเพื่อการเกษียณ 10 ปี ดอกเบี้ยแบบ Step up สูงสุด 9% ต่อปี ในปีที่ 10 คิดเป็นดอกเบี้ยเฉลี่ย 3.45% ต่อปี
  • สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม : การให้คำปรึกษาทางออกให้ธุรกิจโดยโค้ชมืออาชีพ โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย การให้บริการคำปรึกษาทางการเงินผ่าน บสย. F.A. Center การให้คำปรึกษาผ่านโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชนโดยธนาคารแห่งประเทศไทย การให้ข้อเสนอแนะในการประกอบธุรกิจ
  • สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ : การให้ความรู้ทางการเงินโดยกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กองทุนการออมแห่งชาติ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจตลอดงาน เช่น การตรวจข้อมูลเครดิตโดยบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด การขายสินทรัพย์ NPA ของสถาบันการเงิน บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด และบริษัท บริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด รวมทั้งกิจกรรมเสวนาให้ความรู้เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจโดยผู้ทรงคุณวุฒิตลอดงาน

สำหรับกำหนดจัดงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ฯ ในครั้งต่อไปอีก 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ คือ

  • ครั้งที่ 2 จังหวัดขอนแก่น วันที่ 18-20 พ.ย. 65 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น
  • ครั้งที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 16–18 ธ.ค. 65 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่
  • ครั้งที่ 4 จังหวัดชลบุรี วันที่ 20–22 ม.ค. 66 ณ ศาลาประชาคมเทศบาลเมืองบ้านสวน
  • ครั้งที่ 5 จังหวัดสงขลา วันที่ 27–29 ม.ค. 66 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ขอเชิญชวนลูกหนี้ที่ประสบปัญหาทุกท่านลงทะเบียนเข้าร่วมงานเพื่อเข้ารับการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้จากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งพร้อมจะให้ความช่วยเหลือ โดยการจัดงานมหกรรมในครั้งนี้จะช่วยเหลือลูกหนี้ให้สามารถแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินที่มีอยู่ได้อย่างตรงจุด สอดคล้องกับศักยภาพในการชำระหนี้ รวมทั้งได้รับการส่งเสริมความรู้และการสร้างวินัยทางด้านการเงิน เพื่อที่จะหลุดพ้นจากกับดักหนี้สินได้อย่างยั่งยืน

อัพเดททุกข่าวสารของแวดวงธุรกิจได้ที่นี่  >>> เงินเฟ้อไทยเดือน ก.ย.เหลือ 6.41% นักวิเคราะห์คาดผ่านจุดพีคแล้ว

เงินเฟ้อไทยเดือน ก.ย.เหลือ 6.41% นักวิเคราะห์คาดผ่านจุดพีคแล้ว

เงินเฟ้อไทยเดือน ก.ย.เหลือ 6.41% นักวิเคราะห์คาดผ่านจุดพีคแล้ว

ธุรกิจ

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย เดือน ก.ย. 2565 เท่ากับ 107.70 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเท่ากับ 101.21

ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 6.41% (YoY) ชะลอตัวลงจากเดือน ส.ค. 2565 ที่สูงขึ้น 7.86% (YoY) ตามการชะลอตัวของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน เคหสถาน และเครื่องประกอบอาหาร ประกอบกับฐานดัชนีราคาฯ ที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อในเดือนเดียวกันของปีก่อนอยู่ระดับสูง

อย่างไรก็ตาม ในเดือนนี้ราคาสินค้าและบริการโดยรวมยังคงสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากการทยอยปรับราคาเพิ่มตามต้นทุนในช่วงก่อนหน้า พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมขัง และอุปสงค์ในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งมีส่วนทำให้เงินเฟ้อยังคงขยายตัว แต่ในอัตราที่ชะลอตัวตามที่คาดการณ์

สำหรับปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 6.41% ได้แก่

สินค้าในกลุ่มพลังงาน ขยายตัว 16.10% (YoY) ตามการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง แม้ว่าราคาจะลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แต่ราคายังคงสูงกว่าเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ ค่ากระแสไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม การตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล (ค่าแต่งผมชาย ยาสีฟัน แชมพู) ค่าโดยสารสาธารณะ การศึกษา ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ (บุหรี่ เบียร์ สุรา) ยังสูงกว่าปีที่ผ่านมา จึงส่งผลให้สินค้าในหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 4.10% (YoY)

“Airbnb” ชี้คนไทยเสิร์ชหาที่พักใน ปารีส-ลอนดอน มากที่สุด

กระแส “ไทยเที่ยวนอก” ฟื้นตัวแรง! “Airbnb” ชี้เทรนด์คนไทยเริ่มออกเดินทางเที่ยวต่างประเทศ

พบค้นหาที่พักใน “ปารีส” และ “ลอนดอน”มากที่สุด ทั้งยังค้นหาที่พักในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และตุรกี เพิ่มขึ้นกว่า 170% สวิตเซอร์แลนด์เพิ่มขึ้น 90%

นายอมันพรีท บาจาจ ผู้จัดการทั่วไป ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย ฮ่องกง และไต้หวัน ของ Airbnb เปิดเผยว่าจากการเปิดพรมแดนอีกครั้งทั่วโลก Airbnb ได้เห็นว่านักท่องเที่ยวชาวไทยมีความสนใจท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

โดยสหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรปที่ได้รับความนิยมอยู่แล้วก็ยังคงได้รับความนิยมสูงสุด และเราได้เห็นความสนใจที่เพิ่มขึ้นในการเดินทางสู่จุดหมายใหม่ๆ อย่างตุรกีและสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมสูงจากทั่วโลก

สำหรับจุดหมายในเอเชียแปซิฟิกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเป็นที่นิยมของนักเดินทางชาวไทย เช่นเดียวกับเมืองชายหาด และภูเขาต่างๆ ทั่วประเทศไทย ความอยากกลับไปเดินทางที่เพิ่มสูงขึ้นนี้เป็นสัญญาณเชิงบวกของการฟื้นตัวการท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น

สืบเนื่องจากหลายประเทศทั่วโลกได้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติอีกครั้ง นักท่องเที่ยวชาวไทยก็เริ่มวางแผนเดินทางไปต่างประเทศเช่นกัน ซึ่งข้อมูลล่าสุดจาก Airbnb พบว่าประเทศที่ต้องเดินทางระยะไกลอย่าง สหรัฐอเมริกาและประเทศต่าง ๆ ในยุโรปยังเป็นที่สนใจของนักเดินทางชาวไทย “และจากข้อมูลการค้นหา Airbnb ในไตรมาส 2 ปี 2565 ระบุว่า เมืองที่นักท่องเที่ยวชาวไทยค้นหามากที่สุดบน Airbnb คือ ปารีสและลอนดอน”

ธุรกิจบริการมีอะไรบ้าง

ส่วนประเทศที่นักท่องเที่ยวชาวไทยค้นหามากที่สุด ได้แก่

  1. สหรัฐอเมริกา
  2. สหราชอาณาจักร
  3. ฝรั่งเศส
  4. อิตาลี
  5. เยอรมนี

นักท่องเที่ยวชาวไทยยังได้ขยายขอบเขตการเดินทางและมองหาจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ ในต่างประเทศมากขึ้นอีกด้วย Airbnb พบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยมีการค้นหาที่พักในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และตุรกี เพิ่มขึ้นกว่า 170% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2562 กับ ไตรมาส 2 ปี 2565

และยังพบว่า การค้นหาที่พักในประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพิ่มขึ้นมากกว่า 90% ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนั้นจุดหมายปลายทางอื่นๆ ในต่างประเทศที่ได้รับความนิยมและมีการค้นหาเพิ่มขึ้น ได้แก่ เม็กซิโก (มากกว่า 80%) และโปรตุเกส (มากกว่า 50%)

เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ก็ยังเป็นที่นิยม ตามด้วย อินโดนีเซีย และ มาเลเซีย ขึ้นแท่นเมืองที่นักท่องเที่ยวชาวไทยค้นหามากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในไตรมาสที่ 2 ปี 2565

สำหรับการเดินทางระยะสั้น ๆ ชาวไทยจะสนใจเที่ยวใกล้บ้าน โดยจุดหมายปลายทางภายในประเทศที่ถูกค้นหามากที่สุดในไตรมาส 2 ปี 2565 คือ กรุงเทพฯ พัทยา หัวหิน และเชียงใหม่

นอกจากนี้ ชาวไทยยังให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะสถานที่ที่สามารถขับรถไปไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อย่างอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ชื่นชอบสำหรับชาวไทยบน Airbnb ซึ่งมีการค้นหามากกว่า 438% เมื่อเปรียบเทียบไตรมาส 2 ปี 2562 กับ ไตรมาส 2 ปี 2565